เพื่อยกระดับความรู้ สู่สังคมอุดมป้ญญา

การดำรงชีวิตอย่างมีความสุข

0

"คนที่มีความสุข  คือ คนที่มีความสมหวัง  เป็นคนที่สามารถประกอบกิจการงาน ประสบความสำเร็จตามความปรารถนา มีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือวิตกกังวล  มีอารมณ์มั่นคง  มีความอดทน และมีความสามารถต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ ได้ เป็นคนที่ยอมรับความจริงในชีวิต ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม"

กล่าวโดยสรุป คนที่มีความสุขก็คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีในการดำรงชีวิตประจำวัน

       ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ  เป็นการมองชีวิต  มองตัวเอง  และมองผู้อื่น  ดังนั้นความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้นไม่ว่า  ผู้ดี  มั่งมี  หรือยากจน  แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข  อาจกล่าวสรุปได้เป็นข้อ ๆ  ดังนี้  คือ
       1. พยายามรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
         เป็นที่ทราบกันแล้วว่า  สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด  คนที่มีร่างกายแข็งแรง  สุขภาพดี  ย่อมมีจิตใจร่าเริง  สนุกสนาน  ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่แข็งแรง  ย่อมเจ็บป่วยเสมอ  ทำให้มีอารมณ์หงุดหงิด  รำคาญใจ  ดังนั้นเราจึงควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์  มีการพักผ่อนเพียงพอ  รักษาความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้  ตลอดจนหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ
       2. รู้จักตนเองอย่างแท้จริง
         ควรสำรวจตัวเองว่า  เป็นคนอย่างไร  มีความสามารถทางใด  แค่ไหน  มีความสนใจและต้องการสิ่งใด   มีอะไรเป็นข้อดีและข้อเสีย  พยายามทางแก้ไขข้อบกพร้องและส่งเสริมส่วนที่ดี  จะทำให้เราตั้งเป้าหมายของชีวิตได้เหมาะสมกับความเป็นจริง   ตลอดจนมีโอกาสพบกับความสำเร็จและความสมหวังได้มาก
       3. จงเป็นผู้มีความหวัง
         เราควรตั้งความหวังไว้เสมอ  แม้เวลาที่ตกต่ำก็อย่าทอดอาลัย  จงคิดหวังเสมอว่าเราจะไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป  สักวันหนึ่งเราอาจจะดีขึ้นได้
       4. ต้องกล้าเผชิญกับความกลัวและความกังวลใจต่าง  ๆ
         ในชีวิตของเรานี้มีสิ่งต่าง ๆ มากมาย  ที่ทำให้กลัวเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก  ดังนั้น เมื่อรู้สึกกลัวอะไรต้องพยายามค้นหาความจริงว่าสิ่งนั้นคืออะไร  อย่าปล่อยจิตใจให้หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล
       5. ไม่ควรเก็บกดอารมณ์ที่ตึงเครียด
         ควรหาทางระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวหรือไม่สบายใจ  โดยหาทางออกในสิ่งที่สังคมยอมรับและเป็นไปในทางที่พึงปรารถนา
       6. จงเป็นผู้มีอารมณ์ขัน
         การมีอารมณ์ขันช่วยให้มีอารมณ์ผ่อนคลาย  ไม่ควรมองการไกลในแง่เอาเป็นเอาตายมากเกินไป
       7. การยอมรับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดของตนเอง
         การรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง  จะช่วยให้เรายอมรับข้อบกพร่อง  หรือความผิดพลาดของตนเอง  และให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่นได้
       8. ต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนทำอยู่
         การรู้จักพอใจในงานหรือสิ่งที่ตนทำอยู่  จะทำให้บุคคลนั้นเกิดอารมณ์สนุก  ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทำให้ชีวิตน่าสนใจ  มีความกระตือรือร้นในการทำงาน  มีกำลังใจเข้มแข็งในการต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ  มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส  ทำให้ชีวิตมีความสุขและสดชื่นอยู่เสมอ
       9. มีความต้องการพอเหมาะพอควรและมีความยืดหยุ่นได้
         ต้องมีเหตุผล  รู้จักความพอดีเกี่ยวกับความต้องการ  ความปรารถนา  ความทะเยอทะยาน  ควรมีความคิดใฝ่ฝันที่ใกล้เคียงกับความสามารถและความเป็นจริง  จะช่วยให้เราวางแผนต่าง ๆ  ไว้เป็นระยะ ๆ  เพื่อประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้
       10. อย่าพะวงเกี่ยวกับตนเองมากเกินไปหรืออย่าคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา
         เช่น  คิดว่าตัวเองจะต้องเด่น  ต้องดี  ต้องสำคัญกว่าผู้อื่น  การคิดแต่เรื่องของตัวเองจะทำให้เราไม่มีความสุขเลย  เพราะไม่ว่าเราจะคิดอะไร  ทำอะไรหรือไปที่ไหน  จะต้องตกอยู่ในภาวะของการแข่งขันตลอดเวลา
       11. การยอมรับสภาพของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น
          เพราะการเปรียบเทียบจะทำให้เราเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจว่า ทำไมเราจึงไม่โชคดีอย่างคนอื่น  แต่เราอาจไม่ทราบว่า  คนอื่นเขาก็มีความทุกข์เหมือนกัน
       12. การยึดคติว่า  จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
          การทำสิ่งใดให้ใครโดยหวังผลตอบแทน  ย่อมจะทำให้ผิดหวังได้มากเพราะมัวแต่กังวลอยู่ว่าเราจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนหรือไม่  มากน้อยเพียงใด  เมื่อไม่ได้รับตามที่ตนคาดหวังก็จะผิดหวังทำให้ไม่มีความสุข  คิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมอยู่เสมอ
       13. การหาเพื่อนสนิทสักคนหนึ่ง  หรือใครก็ได้ที่สามารถระบายความทุกข์และปรึกษาหารือได้   
          เพราะการมีเพื่อนจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลก
       14. จงปล่อยให้เหตุการณ์บางอย่างผ่านไปตามแนวทางของมัน
          อย่าไปฝืนหรือเอาจริงเอาจังเกินไป  เมื่อทำอะไรไม่สำเร็จก็เกิดอารมณ์ตึงเครียด  จงหยุดพักเสียระยะหนึ่ง  แล้วค่อยหันกลับมาทำใหม่  หรือเปลี่ยนแนวทางการกระทำเสียใหม่
       15. จงตระหนักว่า   เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด  เมื่อพลาดหวังหรือผิดหวัง
          จงอดทนและมีความหวังต่อไป  ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือหลีกเลี่ยงปัญหาโดยการทำลายตัวเองต้องนึกไว้เสมอว่า  ถ้าเราปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม   ความเจ็บปวดต่าง ๆ  จะค่อย ๆ  ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด
       16. อย่าปล่อยให้เวลาว่างไปวันหนึ่ง ๆ  โดยไม่ทำอะไร
          การปล่อยให้เวลาว่าง  จะทำให้คิดฟุ้งซ่าน  ต้องพยายามหางานอดิเรกที่ตนสนใจทำ  เช่น  ปลูกต้นไม้   เล่นกีฬา  อ่านหนังสือ  ฯลฯ  โดยเฉพาะงานอดิเรกที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติ  จะช่วยบำรุงจิตใจให้ชีวิตมีความสุขสดชื่น  และมีความสงบ
          ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงข้อเสนอแนะ  หรือแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างกว้าง  ๆ  การที่จะดำรงชีวิตอยู่ให้มีความสุขเพียงใดขึ้นอยู่กับบุคคลว่า  จะนำหลักการหรือแนวทางไปดัดแปลง    ปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนแค่ไหน  เพียงใด  และจริงจังหรือไม่เป็นสิ่งสำคัญ
 

ที่มา : ข้อมูลจาก “จิตวิทยาในชีวิตประจำวัน” มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

-----------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)
ฉันคือพลังงานจลน์ พลวัตเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น..