เพื่อยกระดับความรู้ สู่สังคมอุดมป้ญญา

บุญเดือนเก้า–บุญข้าวประดับดิน

0

หนึ่งฮีตคองประเพณีอีสานบ้านเราที่มีในช่วงนี้คือบุญข้าวประดับดิน” ทำในวันแรมสิบสี่ค่ำเดือนเก้า(ประมาณเดือนสิงหาคมเป็นการนำข้าวปลาอาหารคาวหวานผลไม้หมากพลูบุหรี่อย่างละเล็กอย่างละน้อยแล้วห่อด้วยใบตองทำเป็นห่อเล็กๆนำไปวางตามโคนต้นไม้ใหญ่หรือตามพื้นดินบริเวณรอบๆเจดีย์หรือโบสถ์เป็นการทำบุญที่ชาวบ้านจัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว


[พระเจ้าพิมพิสาร]

ความเป็นมาของประเพณีมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลมีเรื่องเล่าไว้ในพระธรรมบทว่าญาติของพระเจ้าพิมพิสารกินของสงฆ์เมื่อตายไปจึงไปเกิดในนรกพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้วไม่ได้อุทิศให้ญาติที่ตายไปพอตกกลางคืนเหล่าญาติของพระเจ้าพิมพิสารที่ตายไปมาปรากฎตัวเปล่งเสียงร้องน่ากลัวบริเวณพระราชนิเวศรุ่งเช้าพระเจ้าพิมพิสารจึงได้รีบไปทูลถามพระพุทธเจ้าพระองค์จึงบอกเหตุให้ทราบว่าญาติที่ไปตกอยู่ในภูมินรกต้องการได้รับส่วนกุศลจึงได้ก่อเกิดการทำบุญข้าวประดับดินขึ้นมาเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ญาตที่ตายไปแล้วและถือเป็นประเพณีที่ต้องทำมาเป็นประจำไม่ใช่แค่เหล่าญาติที่เสียชีวิตไปแล้วแต่บรรดาวิญญาณเร่รอนก็สามารถรับส่วนกุศลนั้นไปด้วย



[ประตูนรกเปิด]

ประเพณีคนลาวและไทยอีสานมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่ากลางคืนของเดือนเก้าหรือทำในวันแรมสิบสี่ค่ำเดือนเก้าเป็นวันที่ประตูนรกเปิดยมบาลจะปล่อยให้ผีนรกออกมาเยี่ยมญาติในโลกมนุษย์ในคืนนี้คืนเดียวเท่านั้นในรอบปีดังนั้นจึงพากันจัดห่อข้าวไว้ให้แก่ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วถือว่าเป็นงานบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว



[พิธีกรรมของประเพณีบุญ]

การทำบุญข้าวประดับดินนั้นจะทำกันในช่วงเช้ามืดประมาณตีสาม– ตีสี่ของวันแรม๑๔ค่ำเดือนซึ่งหมายความว่าจะต้องเตรียมจัดอาหารคาวหวานไว้ตั้งแต่ตอนเย็นของวันแรม๑๓ค่ำเดือนนอกจากอาหารคาวหวานแล้วยังมีหมากพลูบุหรี่โดยจะแบ่งออกเป็นสี่ส่วนส่วนหนึ่งสำหรับครอบครัวส่วนที่สองแบ่งญาติพี่น้องเรือนเคียงส่วนที่สามอุทิศให้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วและส่วนที่สี่นำไปถวายพระสงฆ์


สำหรับส่วนที่สามที่จะอุทิศให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้วนั้นจะห่อน้อยกว่าส่วนอื่นมีวิธีการห่อคือใช้ใบตองห่อขนาดเท่าฝ่ามือยาวให้สุดซีกของใบตองที่ตัดมาอาหารคาวหวานนั้นจัดใส่ห่ออย่างละเล็กละน้อยอาทิ


  1. ข้าวเหนียวนึ่งปั้นเล็กๆเท่าหัวแม่มือก้อน
  2. เนื้อปลาเนื้อไก่เนื้อหมูหรืออาหารคาวที่สามารถหาได้ตามท้องถิ่น
  3. อาหารหวานเช่นกล้วยน้อยหน่ามะละกอสุกหรือขนมหวานอื่นๆ
  4. หมากบุหรี่และเมี่ยงอย่างละคำ



[ห่อข้าว– บุญข้าวประดับดิน]

ห่อข้าวอาหารคาวหวานด้วยใบตองแล้วใช้ไม้กลัดหัวท้ายและตรงกลาางเราก็จะได้ห่อข้าวน้อยที่มีลักษณะยาวๆตามซีกของใบตองอีกหนึ่งห่อเป็นหมากพลูบุหรี่และเมี่ยงคำนำมาห่อในลักษณธเดียวกันจะได้เห็นห่อหมากพลูหลังจากนั้นนำทั้งสองมามัดเป็นคู่และไปรวมกันเป็นพวงอีกทีโดยพวงจะใส่ห่อหมากห่อพลูจำนวนห่อง


ห่อข้าวน้อยที่เรานำไปวางหมายถึงการนำไปอุทิศให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้วรุ่งสางราวๆตี– ของเช้าวันแรว๑๔ค่ำเดือน  แต่ละครัวเรือนจะนำเอาห่อข้าวน้อยที่เตรียมไว้ไปวางตามโคนต้นไม้ใหญ่ตามทางเดินริมกำแพงในวัดภาษาอีสานเรียกว่าการยาย(ยายหมายถึงวางเป็นระยะๆจะทำกันแบบเงียบๆไม่มีการตีกลองตีฆ้องแต่อย่างใดระหว่างที่ยายห่อข้าวน้อยก็จะมีการจุดธูปเทียนเพื่อบอกให้ดวงวิญญาณมารับส่วนกุศลที่ได้อุทิศไปให้บางคนก็บอกเฉยๆไม่ได้จุดเทียนก็มี



[วางห่อข้าว– บุญข้าวประดับดิน]

หลังจากนั้นก็จะแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อเตรียมอาหารมาใส่บาตรถวายพระในตอนเช้าพระสงฆ์มีการแสดงธรรมเทศนาเกี่ยวกับอานิสงฆ์ของการทำบุญข้าวประดับดินให้ฟังและมีการกรวดนำทำบุญตามประเพณีของพุทธศาสนาที่ทำกันทั่วๆไป


เป็นยังไงบ้างละครับหลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวดีๆของบุญประเพณีของอีสานซึ่งสามารถศื่อให้รู้ว่ามีความกตัญญูต่อบุพการีหรือญาติแม้ล่วงลับไปแล้วอีกอย่างหลายๆพื้นที่ประเพณีนี้อาจจะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ๆอาจจะไม่เคยรู้จักเลยด้วยซ้ำไป



[คำผญาพูดถึงบุญข้าวประดับดิน]

โดย บ่าวโจ่โล่ สมาชิกจากเว็บไซท์บ้านมหา


“..ฮอดเมื่อยามเดือนเก้า 

เฮ็ดบุญข้าว-ประดับดิน 

ไปฟังธรรมจำศีลคือถิ่นฐานอิสานเค้า

แรมสิบสามค่ำเดือนเก้ามาเด้อเฮา-ฟ้าวเร่งด่วนของคาวหวาน-แบ่งสี่ส่วนลองคำนวนเด้อเจ้าผมสิเว้าสู่ฟัง..


ส่วนที่หนึ่ง

      ..ให้เตรียมตั้งทั้งครอบครัวของเฮาก่อน 


ส่วนที่สอง

      ..กะแน่นอนแบ่งเป็นตอน-ฝากพี่น้องผองญาติ-หมู่ทั้งหลาย


ส่วนที่สาม

      ..เผิ่นบอกไว้ให้ผองญาติเสียชีวิตเผิ่นอยากให้อุทิศแก่ญาติมิตรผู้ลับล่วงสิทวงถ้าว่าส่วนบุญ


ส่วนที่สี่

      ..กะทางพุ้นให้เฮ็ดบุญถวายพระเป็นการอุปการะศาสนะพระพุทธะไว้ให้เฮาได้-ใจชุ่มเย็น 


ส่วนที่เป็น-อุทิศญาติ-อย่าให้ขาด-เฮ็ดตองห่อของคาวหวานพร้อมนอห่อหมากพลูยาสูบพร้อมตอมไว้-ไส่กระทง


ฮอดตีห้า..กะหาซ่งอยู่นำดงแถวท้ายวัดพ้าวไปจัดแต่งไว้ให้หมู่ญาติมารับเอาวางของแล้วให้เจ้าเฝ้ากรวดน้ำส่งกุศล


เอิ้นเอาคนผู้ล่วงลับมาฮับทานเฮาวางไว้ 

ถึงตอนเช้ากะแม่นได้เลี้ยงอาหาร-เฮ็ดทานวัด

มีแนวได๋กะให้จัดภัตตาหารเพลเช้า

ฟังพระเว้าเล่าพระธรรมผมได้นำเรื่องแต่เค้า 

เว้าบรรยายในท้องถิ่น นำเรื่องข้าวประดับดิน  

มาแจกแจงสู่เจ้าพออยากเล่าสู่หมู่ฟัง..”

 

~~~~~~~~~~~~~

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)
ฉันคือพลังงานจลน์ พลวัตเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น..