ทางแห่งความฉิบหาย ทางแห่งความเสื่อม สาเหตุให้ถึงความเสื่อม มี 2 หมวด คือ
- อบายมุข 4
- อบายมุข 6
อบายมุข 4
ได้แก่ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน และคบคนชั่วเป็นมิตร
อบายมุข 6
ทางของความเสื่อม ทางแห่งความพินาศ เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ ได้แก่ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านการทำงาน
ติดสุราและของมึนเมา: มีโทษ 6 อย่าง คือ
- ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
- ก่อการทะเลาะวิวาท
- เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
- เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
- เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
- ทอนกำลังปัญญา
ชอบเที่ยวกลางคืน: มีโทษ 6 อย่าง คือ
- ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครองไม่รักษาตัว
- ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครองไม่รักษาบุตรภรรยา
- ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
- ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น
- คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆย่อมปรากฏในผู้นั้น
- อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม
ชอบเที่ยวดูการละเล่น : มีโทษโดยการงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวล คอยคิดจ้องกับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆ ทั้ง 6 กรณ คือ
- รำที่ไหนไปที่นั่น
- ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
- ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น
- เสภาที่ไหนไปที่นั่น
- เพลงที่ไหนไปที่นั่น
- เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
ติดการพนัน : มีโทษ 6 อย่าง คือ
- ผู้ชนะย่อมก่อเวร
- ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
- ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน
- ถ้อยคำของคนเล่นการพนันซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น
- ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท
- ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่าชายนักเลงเล่นการพนัน ไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา
คบคนชั่ว : มีโทษโดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบ ทั้ง 6 ประเภท คือ
- นำให้เป็นนักเลงการพนัน
- นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
- นำให้เป็นนักเลงเหล้า
- นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
- นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
- นำให้เป็นคนหัวไม้
เกียจคร้านการงาน : มีโทษโดยทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิดโภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง 6 กรณี คือ
- หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน
- ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน
- เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน
- ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน
- หิวนักแล้วไม่ทำการงาน
- อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน
อบายมุขทั้งหมดนี้ หากประพฤติเข้าแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความฉิบหาย ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชีวิตร่างกายได้เหมือนกันทุกข้อฯ
เรื่องราวประกอบ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
“..ดูกรคฤหบดีบุตรอริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้วไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่าง นี้แล้วย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้วทั้งโลกนี้และโลกหน้า เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ฯ“
อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน?
“..ดูกรคฤหบดีบุตรการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืนเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตรเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้านเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ”
~~~~~~~~~