วันวิสาขบูชา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆของพระพุทธเจ้าถึง3 เหตุการณ์คือการประสูติการตรัสรู้และการปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในเหตุการณ์เหล่านั้นคติธรรมหลักคือไตรลักษณ์ หรืออนิจจลักษณะอันได้แก่ความเป็นธรรมดาของโลก3 ประการคือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์คือตั้งอยู่ในสภาพเดิมมิได้และอนัตตา ความที่สังขารทั้งหลายไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้(เช่นบังคับไม่ให้แก่ไม่ได้บังคับไม่ให้ตายไม่ได้) ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนตกอยู่ในสภาพ3 ประการนี้แม้พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดาของโลกก็ยังต้องทรงตกอยู่ในกฎเหล่านี้ไม่มีใครสามารถพ้นไปได้
สำหรับหลักธรรมคติเทียบเคียงกับเหตุการณ์ทั้ง3 ที่สามารถนำมาประพฤติปฏิบัติได้ 3 อย่าง คือ
ความกตัญญู
ในเหตุการณ์วันประสูติสามารถยกหลักธรรมมาเทียบเคียงได้คือ"หลักความกตัญญู" เพราะในพระพุทธประวัติแม้พระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพระราชมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะจะสิ้นพระชนม์ไปหลังที่เจ้าชายประสูติได้เพียง7 วันแต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้แล้วก็ได้เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนดาวดึงสเทวโลกถึงแม้พระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นพระราชบิดาพระพุทธองค์ก็เสด็จไปโปรดถึงพระราชวังที่ประทับจนพระเจ้าสุทโธทนะประชวรหนักใกล้สวรรคตพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปโปรดจนพระราชบิดาได้บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์และนิพพานในพระราชวังในวันนั้นเอง
ในเรื่องความกตัญญูต่อบิดามารดาและผู้มีอุปการะก่อนนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้หลายพระสูตรด้วยกันเช่นในหลักทิศ6 เป็นต้นซึ่งความกตัญญูนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะกับบุคคลเท่านั้นแต่รวมไปแม้กระทั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาด้วยดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า
"บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาต้นไม้ใดไม่ควรหักกิ่งต้นไม้นั้นผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม"
— พระพุทธพจน์จาก— พระไตรปิฏกขุททกนิกายชาดก. 28/26
ความกตัญญูจึงนับได้ว่าเป็นหลักสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งมีตัวอย่างหลายเรื่องในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงยกย่องผู้มีความกตัญญูต่อบิดามารดาเช่นเรื่องพระภิกษุเลี้ยงบิดามารดาในมหานิบาต เป็นต้นซึ่งทำให้พระพุทธองค์ตรัสว่า
"นิมิตฺตํสาธุรูปานํกตญฺญูกตเวทิตา"แปลว่า: "ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี"
— พระพุทธพจน์จาก— พระไตรปิฏกอังคุตตรนิกายปัญจกนิบาต"ปุตตสูตร"
กล่าวโดยสรุปเหตุการณ์ประสูตินี้เป็นเครื่องเตือนให้พุทธศาสนิกชนระลึกถึงความกตัญญูกตเวทีที่ทุกคนควรมีในตนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
อริยสัจ4
ในเหตุการณ์วันตรัสรู้สามารถยกหลักธรรมมาเทียบเคียงได้คือ"อริยสัจ4" อันเป็นหลักธรรมในการแก้ปัญหาชีวิตที่พระพุทธองค์ตรัสรู้คือ
- "ทุกข์" ความไม่สบายกายไม่สบายใจสภาวะที่ทนได้ยากทั้งหลาย(ปัญหา)
- "สมุทัย" ต้นเหตุของความทุกข์คือกิเลสตัณหา(ต้นเหตุของปัญหา)
- "นิโรธ" จุดหมายที่จะดับทุกข์คือนิพพาน (วางเป้าหมาย)
- "มรรค" แนวทางในการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์(ลงมือแก้ไข)
— พระพุทธพจน์จาก— พระไตรปิฏกสังยุตตนิกายมหาวารวรรค19/528/1664
ความไม่ประมาท
ในเหตุการณ์วันปรินิพพานพระพุทธองค์ตรัสปัจฉิมโอวาทไว้บทหนึ่งอันเป็นยอดของคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรนำมาปฏิบัติคือ การมีสติอยู่ทุกเมื่อ ไม่ให้ความทุกข์ร้อนใจอันเกิดจากอำนาจกิเลสเข้าครอบงำกล่าวคือ ความไม่ประมาทในกาลทุกเมื่อ โดยพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
"...อปฺปมาเทนสมฺปาเทถ..."
แปลว่า: "พวกเธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและท่านให้ถึงพร้อมด้วย ความไม่ประมาท เถิด"
— สยามรฏฺฐเตปิฏกํปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. 10/149/11