เนื้อหาโดยรวม
- จัดการกับปัญหาแทนที่จะหนีมัน
- มองตนเองอย่างสัตย์จริง
- ค้นหาศัตรูที่แท้จริง
- การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้หรือ
- ทัศนคติของเราส่งผลกระทบต่อทุกอย่าง
- เชื่อในศักยภาพของตนเอง
- แก้ไขข้อมูลและการไตร่ตรอง
- การเจริญสมาธิแบบทางการ
- กระบวนการเจริญสมาธิ
- การนำการปฏิบัติไปใช้ในชีวิตประจำวัน
- บทสรุป
เมื่อเราพูดถึงการเจริญสมาธิในบริบททางพระพุทธศาสนาเรากำลังพูดถึงสิ่งที่ค่อนข้างมีความเฉพาะตัว ทุกวันนี้เรามักได้ยินคำว่า“การเจริญสมาธิ(การฝึกกรรมฐาน)” ในสถานที่ที่หลากหลายมากเนื่องจากการเจริญสมาธิมีชื่อเสียงดีอยู่พอตัวและหลายคนก็ใช้ทางนี้เป็นวิธีผ่อนคลายหรืออื่นๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเราพูดถึงการเจริญสมาธิจริงๆแล้วผู้คนส่วนใหญ่มักไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร บางคนคุ้นชินกับความคิดที่ว่าเราต้องนั่งลงและทำตัวให้เงียบสงบแล้วอย่างไรต่อ การเจริญสมาธิเป็นมากกว่าการเพ่งไปยังลมหายใจและระลึกถึงความคิดกรุณาหรือเปล่า
คำว่าสมาธิในภาษาสันสกฤตมีความหมายเชิงนัยยะถึงการทำสิ่งหนึ่งให้กลายเป็นเรื่องจริง ชาวทิเบตแปลคำนี้โดยใช้คำที่หมายถึงการสร้างนิสัยบางประเภท เมื่อเราสร้างนิสัยประเภทหนึ่งขึ้นเรากำลังทำให้สิ่งนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามปฏิบัติในการเจริญสมาธิ เราต้องการนำพาความเปลี่ยนแปลงอันเป็นประโยชน์มาสู่ตนเอง คำถามแรกที่เราต้องถามคือทำไมเราจึงต้องการความเปลี่ยนแปลง ตามปกติแล้วนี่เป็นเพราะว่าเราไม่มีความสุขกับลักษณะการใช้ชีวิตของเราหรือลักษณะที่เรารู้สึกหรือลักษณะที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรืองานของเราตัวอย่างเหล่านี้มีอีกมากมายแต่เป้าหมายของคนส่วนใหญ่นั้นคือการปรับปรุงชีวิตตนเองให้ดีขึ้น
อ่านเพิ่มเติมที่นี่..