บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2024

ความสุข คือ อะไร

ความรู้สึกหรืออารมณ์ประเภทหนึ่ง  มีหลายระดับตั้งแต่ความสบายใจเล็กน้อยหรือความพอใจจนถึงความเพลิดเพลิน หรือเต็มไปด้วยความสนุก มีแนวคิดทางปรัชญา ศาสนา จิตวิทยา ชีววิทยา อธิบายความหมายของความสุข รวมถึงสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข ดังนี้ ทางปรัชญา : มองว่า  ความสุข เป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาและควรแสวงหา     อริสโตเติลกล่าวว่า  '' ความสุข คือ กิจกรรมแห่งจิตวิญญาณตามธรรมชาติและสมบูรณ์ "  ซึ่งหมายถึงความสุขที่เกิดจากการใช้ความสามารถของมนุษย์อย่างเต็มศักยภาพ ทางศาสนา : มองว่า  ความสุข  เป็นรางวัลที่พระเจ้ามอบให้กับมนุษย์ที่ประพฤติดี ศาสนาพุทธสอนว่า  ความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดจากการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ศาสนาคริสต์สอนว่า  ความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า ทางจิตวิทยา : มองว่า  ความสุข  เป็นอารมณ์เชิงบวกอย่างหนึ่ง  เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง  เช่น  การมีสุขภาพที่ดี ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง การประสบความสำเร็จในชีวิต การทำกิจกรรมที่ชอบ ทางชีววิทยา : มองว่า  ความสุข...

ธัมมุทเทส ๔ (รัฐปาลสูตร)

  รัฐปาลสูตร ( ว่าด้วย ธัมมุทเทส ๔ ) เหตุการณ์ : พระเจ้าโกรัพยะสนทนาธรรมกับท่านพระรัฐปาลเถระ ถึงเรื่องเหตุที่ท่านออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต พระเจ้าโกรัพยะ ตรัสกับท่านพระรัฐปาละว่า “…ความเสื่อม ๔ ประการ ได้แก่ ความเสื่อมเพราะชรา ๑    ความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้ ๑    ความเสื่อมจากโภคสมบัติ ๑    และความเสื่อมจากญาติ ๑    ที่คนบางพวกในโลกนี้ถึงเข้าแล้ว ทำให้การจะได้โภคสมบัติที่ยังไม่ได้ หรือการที่จะทำโภคสมบัติที่ได้แล้วให้เจริญ ไม่ใช่ทำได้ง่าย ย่อมออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต” แล้วตรัสถามว่า “ ส่วนท่านยังหนุ่มแน่น ไม่มีความเสื่อมเพราะชรา เป็นผู้ไม่อาพาธ ไม่มีทุกข์ ไม่มีความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้ เป็นบุตรของตระกูลเลิศในถุลลโกฏฐิตนิคม ไม่มีความเสื่อมจากโภคสมบัติ และมีมิตรและญาติในถุลลโกฏฐิตนิคมเป็นอันมาก ไม่มีความเสื่อมจากญาติเลย ท่านรู้ เห็น หรือได้ฟังอะไร จึงออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตเสีย “ ท่านพระรัฐปาละตอบว่า “ พระผู้มีพระภาคทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธัมมุทเทส ๔ ข้อ ที่ท่านรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือนบวชเป็นบร...

เทคนิคการสอนเฉพาะ (พระพุทธองค์)

รูปภาพ
พระพุทธเจ้ามีวิธีการสอน ให้ผู้เรียนได้รู้แจ้งเห็นจริง   โดยอาศัยวิธีการต่างๆ หลากหลาย ให้เหมาะกับจริตนิสัยของแต่ละคน พระองค์สามารถยกเอาธรรมชาติใกล้ตัวมาเป็นสื่อในการสอน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน   เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นวัสดุสิ่งของ บุคคลหรือเหตุการณ์เฉพาะหน้าบางอย่างที่จะเป็นประโยชน์ในการสอน พระพุทธองค์จะทรงหยิบยกเอาขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการสอนพระธรรมทันที แสดงว่าพระองค์ทรงเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียกว่า   " โสตทัศนูปกรณ์ (Audio visual aids)"   และแสดงให้เห็นว่า การสอนของพระองค์เป็นงานประจำที่ไม่เลือกเวลาและสถานที่ หากจะต้องสอดทุกโอกาสที่พอจะสอนได้ คราวหนึ่งพระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งบนฝั่งแม่น้ำคงคา ได้ทอดพระเนตรเห็นท่อนไม้ใหญ่ท่อนหนึ่ง ถูกกระแสน้ำพัดเข้ามาใกล้ฝั่ง พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ให้ภิกษุทังหลายดูท่อนไม้นั้นแล้วตรัสสอนว่า " ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่อนไม้จะไม่เข้ามาสู่ฝั่งนี้หรือฝั่งโน้น จักไม่จมเสียในท่ามกลาง จักไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับเอาไว้ ไม่ถูกน้ำวนๆ ไว้ จักไม่เน่าภายใน ... ท่อนไม้นั้นจะลอยไหลเลื่อนไปถึงสมุทรได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?...